ลีเกีย วอร์ซอว์ 3-3 เรอัล มาดริด

รูปแบบเกมที่แฟนๆนึกว่าจะเคี้ยวหมู ที่ไหนได้นี่มันคือหมูเขี้ยวตัน การยิงประตูขึ้นนำ 2 ลูกไม่ได้ช่วยให้เกมได้รับชัยชนะหากยังไม่มีเสียงนกหวีดดัง การท้าทายศักดิ์ศรีราชันย์ชุดขาว เพราะวอร์ซอว์ไม่สามารถแพ้ได้แล้วหากต้องการที่จะลุ้นเพื่อที่จะเข้ารอบต่อไป เริ่มเกมได้เพียงนาทีเดียว แกเร็ธ เบล ซัดประตูฉลองการต่อสัญญาใหม่ เป็นประตูแรก  โดยที่โรนัลโด้โหม่งเสยต่อให้กับ แกเร็ธ เบล ได้วอลเลย์ด้วยซ้าย อย่างสวยงาม โดยลูกนี้ถูกยกขึ้นมาเปรียบเทียบกับลูก ที่ซีดานยิงในปี 2002 หลังจากนั้นไม่นานเจ้าบ้านได้สวนกลับมาด้วยการยิงในระยะไกล น้ำหนักบอลดี แต่ยังไม่ตรงกรอบ ในนาทีที่ 9 ต่อมานาทีที่ 16 เบลได้โอกาสในการยิงลูกฟรีคิกแต่แฉลบข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย เกมบุกยังคงต่อเนื่องในนาทีที่ 17 ลูกเตะมุมจากโครสเปิดให้วารานขึ้นโหม่งแต่ถูกปัดออกไปได้ ราชันย์ชุดขาวยังบุกอย่างไม่หยุด นาทีที่ 19 ยิงจากฝั่งซ้ายปั่นไซส์โค้ง แต่ก็ยังไม่ผ่าน มาลาร์ซ นาทีที่ 25 แกเร็ธ เบล โหม่งบอลไปที่เสาแรก แต่มาลาร์ซกระโดดสุดตัวปัดเอาไว้ได้ โรนัลโด้วิ่งเข้ามาซ้ำแต่ยังติด ผู้เล่นจากวอร์ซอร์ การสวนกลับของลีเกียได้ส่องไกล แต่หลุดกรอบ ไปอย่างน่าเสียดาย ในนาทีที่ 27 นาทีที่ 28 โรนัลโด้ ได้โหม่ง แต่บอลข้ามคานออกไป …

ดอร์ทมุนด์ 1-0 สปอร์ติ้ง ลิสบอน

ชนะลิสบอนชิวๆ ถึงแม้ไม่มี โอบาเมอย็อง เสือเหลืองชนะไปแบบไม่เจ็บตัวเท่าไร และ ส่ง รามอสมาล่าตาข่ายแทน 10 นาทีแรก ดอร์ทมุน เกือบได้จุดโทษ จากการโดนสกัดในเขตโทษล้ม แต่ก็ไม่มีเสียงเป่านกหวีดจากกรรมการ ผ่านมาเพียง 2 นาที รามอสนำประตูมาฝากกับทีมเสือเหลืองจากการโหม่งด้วยลูกเปิดจากเกิทเซ่ อีก 5 นาทีถัดมา การบุกอย่างต่อเนื่องยังคงวนเวียนอยู่ปูลิซิชจ่ายบอลให้กับรามอสเข้ามาชาร์ท แต่ไม่ถึง ในนาทีที่ 27 เป็นฝ่าย ลิสบอน เข้ามาทักทายประตูของเสือเหลืองบ้าง จากการทำชิ่งของ มาร์ตินส์ แต่ไม่ผ่านผู้รักษาประตู การบุกยังเริ่มกลายเป็นของลิสบอนบ้าง ในนาทีที่ 31 บอสครอสจ่ายบอลส่งให้กับมาร์ติน หน้ากรอบเขตโทษ สับไก แต่ก็ถูกบล็อคเอาไว้ได้ นาทีที่ 34 เกิทเซ่ส่งบอลให้ปูลิซิช น่าเสียดายชนคานถ้าหากขึ้นประตูที่ 2 เสือเหลืองจะเล่นได้ง่ายขึ้น เกมการบุกยังคงเป็นของดอร์ทมุนในนาทีที่ 42 กินเตอร์ซัดลูกยิงไกล ปาทริซิโอ รับเข้ามือไม่มีหลุด ต่อเนื่องอีกครั้งจากการยิงของ เกร์เรโร่ ยิงแบบไม่จับบอล หลุดนอดกรอบไปเพียงนิดเดียว ในนาทีที่ 43 ก่อนหมดเวลาเกือบได้ลุ้นอีก …

เวนตุส 1-1 โอลิมปิก ลียง

ม้าลายไม่สำเร็จคว้าชัยไม่ได้ถูกสิงห์เขียวไล่งับตามคืนแบ่งกันไปคนละ 1 แต้ม ลุ้นเข้ารอบยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกเหนื่อยจากการเล่นในเกมต่อๆไปอย่างแน่นอน นาทีที่ 8 ม้าลายเกือบถูกยิงประตูขึ้นนำ แต่ได้บุฟฟ่อนใช้เท้าในการป้องกันประตู จากไรบัส นาทีที่ 12 ยูเวนตุสได้ลุ้นจากการสาดบอลจากโบนุชชี่ ถึง อิกวาอิน ตะบันแข็งจากระยะ 20 หลา นาที่ต่อมา  ยูเวนตุสได้เตะจุดโทษ จากจังหวะที่โดนผลัก อินกวาอินรับหน้าที่สังหารไม่พลาดเป้า นาทีที่ 25 เกือบได้ประตูที่ 2 จากการหลุดจากการบุกของเอฟร่า ทางด้านซ้าย น่าเสียดายที่ มาร์คิซิโอหวดข้ามคานไปเพียงนิดเดียว ครึ่งชั่วโมงแรก เป็นยูเวนตุสเปิดเกมบุกเพียงฝ่ายเดียว ก่อนหมดเวลา 4 นาที โอกาสทองหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย อินกวาอินซัดบอลลอยข้ามคานไปแบบไม่น่าเป็นไปได้ นาทีสุดท้าย ลียงเกือบตีเสมอได้จากการยิ่งของเกซซาล ด้วยยิงฟรีคิกเปิดบอลให้โกนาลอนส์ โหม่งแต่เฉี่ยวเสาออกไปอย่างน่าเสียด้วย เข้าสู่ช่วงครึ่งหลัง ม้าลายยังรองเกมบุกต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ส่องในพื้นที่อันตรายของดินแดนสิงห์เขียว จนถึงนาทีที่ 70 อิกวาอินได้โอกาสส่องบอลแบบได้ลุ้นอีกครั้ง แต่ติดแขนของโลเปสไปอย่างน่าเสียดาย ท้ายเกมจนถึงนาทีที่ 84 แฟนบอลทีมยูเวนตุสถึงกับช็อค โดนลียงตามตีเสมอได้จากการโขกบอลของโทลิสโซ่ คอตกกันไปเลยทีเดียว แบ่งกันไปทีมละ 1 แต้ม

สเปอร์ส 0 -1 เลเวอร์คูเซ่น

ปัญหาเกิดกับไก่เดือยทองเสียแล้ว เมื่อเส้นทางไม่เป็นไปอย่างที่วาดฝันเอาไว้ สำหรับบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกนี้ สำหรับกลุ่มนี้ มีโอกาสเข้ารอบได้ทุกทีม เนื่อจากคะแนนยังไม่หนีห่างกันมากเท่าไรนักในการลุ่นอันดับที่ 2 ของกลุ่ม 10 นาทีแรกการครองบอลออยู่ที่ฝั่ง สเปอร์ส เนื่องจากเป็นเจ้าบ้านนอกจากนี้ยังคอยหาทางที่จะพังประตูห้างขายยา แต่ด้วยการตั้งรับที่หนาแน่นทำให้ไม่สามารถช่วงชิงประตูไปได้ เกมยังคงดุเดือดจบเกือบหลับ จนถึง นาทีที่ 20 โดยที่เป็นการช่วงชิง ความชิงไหวชิงพริบในการเล่นเกมสวนกลับ โดยที่ทั้งสองไม่สามารถทำอะไรต่อกันได้เลย ลุ้นครั้งแรกของเกมการแข่งขันในนาทีที่ 33 ด้วยระยะ 25 หลา จาก อีริค ของ สเปอร์ส จากนั้นเป็นการยิงอีกครั้งจากห้างขายยาในอีก 10 นาที ต่อมา เอร์นานเดซ แปบอลเน้นทิศทางจากบริเวณเขตโทษ แต่ยังแฉลบกองหลังออกไปได้ เริ่มต้นครึ่งหลังได้สนุกกว่าครึ่งแรกที่ ผ่านมาได้เพียง 3 นาที อีริคก็หวดบอลก่อนพุ่งออกไปทางเสาซ้ายมือโกล ต่อมาในนาทีที่ 59 ไก่เดือยทองยังได้ยิงจากหน้าปากเขตโทษอีกครั้งแต่เข้าไปข้างตาข่าย รูปแบบหลายๆคนคิดว่าน่าจะเข้าทางสเปอร์ส และมีโอกาสที่จะชนะแน่นอน สถานการณ์พลิกกลับในนาทีที่ 65 ในจังหวะที่ อรันกีซตะบันแข้งหน้าปากเขตโทษแฉลบวอลเกอร์เข้าทางคัมเพิ่ล ที่โล่งอยู่ซัดลูกตุงตาข่ายแบบไม่เหนื่อย จากนั้นสเปอร์ส โหมบุกขนาดหนัก แต่ไม่สามารถผ่านแนวรับของเลเวอร์คูเซ่น ไปได้ต้องยอมรับสภาพชะตากรรมด้วยการพ่ายคาสนามเวมบลีย์ …

เอฟซี โคเปนเฮเก้น 0-0 เลสเตอร์ ซิตี้

ทำเพียงแค่เสมอก็เข้ารอบ สำหรับจิ้งจอกสยาม ไม่แพ้ใครในกลุ่มและไม่เสียประตูในแชมเปี้ยนลีก ซึ่งทำให้ส่งผลต่อเกมในนัดหน้าด้วยการเสมอก็จะผ่านเข้ารอบอย่างสดใส 10 นาทีแรก เป็น เอฟซี โคเปนเฮเก้น ที่เปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่องใส่ทีมแชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก สร้างความกดดันแก่กองหลัง แต่ก็ไม่สามารถทำประตูได้ ถึงแม้จะส่องไกล แต่ก็ติดบล็อก นาทีที่ 12 เอฟซี โคเปนเฮเก้น ได้โอกาสลุ้นจากกองหน้าเชื้อชาติปารากวัย โหม่งย้อยเกือบเข้าประตู จากการเติมเกมของ ออกุสตินส์สัน นาทีที่ 15 การบุกยังคงเป็นของเจ้าบ้านอย่างต่อเนื่องโดย เบนยามิ เวอร์บิช เลื้อยกระชากจากริมเส้นถึงกรอบเขตโทษหักล็อคตัดเข้าขวาตะบันแข็งเต็มตีน แต่ติดเวส มอร์แกน เกือบเป็นประตู เพราะถ้าหากหลุดไปผู้รักษาประตูหมดสิทธิ์รับอย่างแน่นอน นาทีที่ 25 การเข้าบอลพลาดทำให้ โรเบิร์ต ฮูธ ต้องเข้าเสียบ ซานตานเดร์ แต่ผู้ตัดสินยังใจดีให้เพียงแค่ใบเหลือง ซึ่งยังคงเป็นการบุกอย่างต่อเนื่องเพียงฝ่ายเดียวของ เอฟซี โคเปนเฮเก้น เกือบครึ่งชั่วโมง ตลอด 45 นาทีของครึ่งแรกรูปแบบเกมเป็นของ เอฟซี โคเปนเฮเก้น ไม่ว่าจะเป็นการครองบอล หรือ การจบสกอร์ แต่สกอร์ยังคงอยู่ที่ 0-0 เริ่มครึ่งหลังเพียงไม่กี่นาที …